1.) การอำนวยการและบริหารโครงการ โดยสำนักงานเลขานุการโครงการฯ สำนักงานจังหวัดพะเยา
1.1) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการจัดทำแผนการจัดการกองทุนแก่
ชุมชนนำร่องทั้ง 7 ชุมชนในพื้นที่ เกี่ยวกับแนวคิด แนวทางและวิธีการบริหารจัดการกองทุนไทย-สหประชาชาติ
และกองทุนต่างๆที่มีอยู่เดิมในชุมชนโดยความมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในชุมชน
พบว่าชุมชนมีทักษะในการบริหารจัดการกองทุนต่าง
ๆ ที่ภาครัฐได้ให้การสนับสนุนงบประมาณอยู่เดิมในระดับหนึ่ง และจำนวนเงินรวมทุกกองทุนจำนวนมาก
เช่น กองทุน กขคจ. กองทุนโอ่ง กองทุนวัว กองทุนหมู่ กองทุนเอดส์
กองทุนกลุ่มแม่บ้าน ซึ่งกองทุนดังกล่าวขาดการจัดระบบการบริหารจัดการอย่างเป็นเอกภาพ
และมีวิธีจัดการอย่างซับซ้อนยุ่งยาก ทำให้ไม่เกิดความเข้มแข็ง บางกองทุนประสบความล้มเหลว
บางกองทุนดำเนินไปอย่างผิดวัตถุประสงค์ เงินกองทุนเสียหาย ติดตามไม่ได้
ขาดระเบียบการจัดการ หรือขาดวินัยในการบริหาร
1.2) จัดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และบทเรียนในรอบระยะเวลา
หนึ่งๆ เช่น รอบ 6 เดือน รอบ 1 ปี เพื่อให้ชุดปฏิบัติการได้เกิดทักษะในการบริหารจัดการ
และการแก้ไขปัญหาจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างชุดปฏิบัติการต่างๆในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจกรรมกองทุนฯ
1.3) สนับสนุนโอกาสในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้จากการเดินทาง เข้ารับการฝึกอบรมด้านการจัดการธุรกิจชุมชนด้วยตนเอง
ภายใต้การสนับสนุนขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ILO)หรือ INTERNATIONAL
LABOR ORGANIZATION เพื่อให้ผู้นำชุมชนเกิดทักษะและกระบวนการเรียนรู้การจัดการธุรกิจชุมชนด้วนตนเอง
ระหว่าง 17 -21 พฤษภาคม 2542 ณ จังหวัดเพชรบุรี
จากการติดตามพบว่าชุมชนขาดกระบวนการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ในหลักและวิธีการจัดการธุรกิจชุมชนด้วยตนเอง
เนื่องจากผู้ผ่านการฝึกอบรมขาดโอกาสและทักษะในการถ่ายทอดแก่ชุมชนอย่างเป็นระบบ
1.4) สนับสนุนกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาตำบลและหมู่บ้านเชิง บูรณาการจากผลการจัดเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างชุดปฏิบัติการในพื้นที่นำร่อง
มีการยกประเด็นการพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากรระดับตำบลและหมู่บ้านในการจัดทำแผนพัฒนา
ประจำปี จึงได้จัดประชุมสัมมนากระบวนการจัดทำแผนพัฒนาตำบลและหมู่บ้าน
ตลอดทั้งสนับสนุนงบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดทำแผนระดับตำบลและหมู่บ้าน
แห่งละ 20,000 บาท รวม 140,000 บาท เพื่อให้เป็นแผนพัฒนาแบบมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ(อบต.)และภาคประชาชนและชุมชนอย่างแท้จริง
พบว่า อบต.และชุมชนยังขาดความรู้ ความเข้าใจในการจัดทำแผน งาน/โครงการพัฒนาเชิงบูรณาการ
และยังขาดความมีส่วนร่วม และขาดการศึกษาวิเคราะห์ปัญหาชุมชนอย่างแท้จริง
ทำให้ทิศทางการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาขาดความชัดเจนและไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วนได้
2.) การดำเนินกิจกรรมในพื้นที่นำร่อง
โดยกองทุนความร่วมมือไทย-สหประชา ชาติประจำหมู่บ้านทั้ง 7 หมู่บ้าน
ๆละ 150,000 บาท และองค์การยูนิเซฟ(UNICEF) ในโครงการพัฒนาคุณภาพชิวิตในครอบครัวผู้ด้อยโอกาสสนับสนุนสำหรับบ้านปินพัฒนาและบ้านใหม่สันคือ
หมู่บ้านละ 150,000 บาท
2.1) ทุนประกอบอาชีพ ชุมชนนำร่องได้จัดตั้งกองทุนความร่วมมือ
ไทย-สหประชาชาติประจำหมู่บ้าน โดยเงินแรกจัดตั้งหมู่บ้านละ 150,000
บาท (องค์การยูนิเซฟ(UNICEF) ในโครงการพัฒนาคุณภาพชิวิตในครอบครัวผู้ด้อยโอกาสสนับสนุนสำหรับบ้านปินพัฒนาและบ้านใหม่สันคือ
หมู่บ้านละ150,000 บาท) โดยมีวัตถุประสงค์ให้ใช้เป็นทุนประกอบอาชีพภายใต้การเรียรู้การบริหารจัดการของชุมชน
จากการติดตามพบว่า มีหลายชุมชนนำร่องเกิดทักษะในการรวมเงินจากกองทุนต่างๆในชุมชนที่มีอยู่เดิมและกระจัดกระจายยากแก่การบริหารจัดการ
เข้ามารวมอยู่ในกองทุนเดียวและมีคณะกรรมการบริหารชุดเดียว เพื่อตัดตอนวงจรหนี้ของคนในชุมชน
ทำให้มีจำนวนเงินในกองทุนจำนวนมาก หลายชุมชนมีทักษะในการจัดระบบการบริหารจัดการ
สามารถตั้งองค์กรบริหารและระเบียบการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เงินทุนส่วนมากนำไปใช้เพื่อลงทุนทางการเกษตรในลักษณะของการรวมกลุ่ม
เช่น การทำนา ทำไร่ข้าวโพด ปลูกกระเทียม สวนลิ้นจี่ เลี้ยงปศุสัตว์เช่น
วัวขุน ไก่พื้นเมือง เลี้ยงปลาในบ่อซีเมนต์ เลี้ยงหมูเพื่อผลิตลูกหมูจำหน่าย
เป็นต้น
สำหรับการแปรรูปผลผลิตในรูปอาหาร หรือผลิตภัณฑ์จักสาน ตีเหล็ก หน่อไม้ปี๊บหรือการผลิตเครื่องประดับ(เงิน)
นั้นมีจำนวนผลผลิตไม่มากและไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยด้านเวลามีจำกัดเฉพาะช่วงสั้นๆภายหลักเก็บเกี่ยวผลผลิตทางเกษตร
2.2) กองทุนธนาคารหมู่บ้าน จากทักษะเดิมที่หน่วยงานภาครัฐได้ สนับสนุนงบประมาณหรือองค์ความรู้ในการรวมกลุ่มออมทรัพย์มาก่อน
ทำให้ชุมชนมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการในรูปกองทุนธนาคารหมู่บ้านหรือกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการบริโภค(มิใช่เพื่อการผลิตหรือการอาชีพ)กล่าวคือ
ชุมชนได้นำเงินส่วนหนึ่งสนับสนุนเป็นกองทุนธนาคารหมู่บ้านเพื่อให้สมาชิกกู้ยืมเพื่อการใช้จ่ายทั่วไป
ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีเงินสำรองทุนอยู่จำนวนหนึ่ง ประชาชนสมทบในลักษณะซื้อหุ้นและฝากอีกจำนวนหนึ่ง
โดยจัดองค์กรและระเบียบการบริหารคล้ายธนาคารแต่ง่ายและไม่ซ้ำซ้อนโดยอาศัยสัจจะเป็นสิ่งผูกมัดแทนหลักทรัพย์
กองทุนธนาคารหมู่บ้านได้ขยายผลในการจัดทำเครือข่ายธนาคารหมู่บ้านใน
38 ธนาคารในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ เพื่อเป็นสถาบันการเงินชุมชนที่เข้มแข็งในการระดมทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตแก่คนในชุมชน
และได้รับการสนับสนุนเงินกองทุนสวัสดิการชุมชนจากกองทุนพัฒนาสังคม(SIF)
จำนวน 38 ล้านบาทส
พบว่าในแต่ละรอบปีธนาคารหมู่บ้านมีเงินหมุนเวียนในธนาคารจำนวนหลายแสนบาท
และจะมีการปันผลคืนแก่สมาชิกทั้งหุ้นฝากและผลกำไรทุก 2 ปี จึงเห็นว่ากองทุนธนาคารจะไม่มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนให้มีจำนวนหลักล้านเช่นธนาคารชุมชนในพื้นที่ภาคอื่น
และพบว่ากองทุนธนาคารหมู่บ้านเป็นเพียงแหล่งเงินกู้ขนาดเล็ก ซึ่งแหล่งเงินกู้ขนาดใหญ่ได้แก่
ธกส. โดยเฉลี่ยครอบครัวหนึ่งมีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินจาก ธกส.เพื่อหมุนเวียนประกอบอาชีพครอบครัวละ
100,000 บาท และเป็นหนี้ที่ชำระคืนหมุนเวียนได้ทุกปี
2.3) กิจกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตในครอบครัวผู้ด้อยโอกาส โดยการสนับสนุนขององค์การยูนิเซฟ(UNICEF)
โดยที่โครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินกระบวนการและปลูกฝังแนวคิดและเงินทุนแก่ชุมชนเพื่อให้ชุมชนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้มีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่
โดยใช้ดอกผลจากการสนับสนุนเงินดังกล่าวในพื้นที่นำร่อง 2 ชุมชน จัดตั้งเป็นกองทุนและนำดอกผลพัฒนา
โดยได้ดำเนินการก่อนโครงการความร่วมมือไทย-สหประชาชาติ ทำให้ชุมชนเกิดความตระหนักและมีผลทำให้ผู้ด้อยโอกาสเช่น
คนชรา คนพิการ ผู้ติดเชื้อเอดส์และเด็ก ได้รับการดูแลจากชุมชนในลักษณะการช่วยเหลือ
สงเคราะห์ด้านการยังชีพ การศึกษาและการรักษาพยาบาลได้ในระดับหนึ่ง
ซึ่งเห็นว่าชุมชนอื่นน่าจะนำรูปแบบดังกล่าวไปปรับใช้
2.4) กิจกรรมด้านการต่อต้านยาเสพติดโดยองค์กรชุมชน(โครงการ ราษฎร์-รัฐร่วมใจต้านภัยยาเสพติด)
ภายใต้การสนับสนุนขององค์การ UNDCP โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับโครงการความร่วมมือไทย-สหประชาชาติและจังหวัดพะเยามาตั้งแต่แรกโครงการ
- สนับสนุนการจัดเวทีประชาชนในกระบวนการวิเคราะห์ชุมชน และค้นหาแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยองค์กรชุมชนอย่างต่อเนื่องในพื้นที่นำร่อง
อันเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนเฉลิมพระเกียรติปลอดยาเสพติด
- สนับสนุนเงินอุดหนุน อบต.พื้นที่นำร่องประจำปีเพื่อจัด กิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยองค์กรชุมชน
เช่น การกีฬา การพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากรในองค์กรในระดับตำบลและหมู่บ้าน
การพัฒนามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ในลักษณะการเฝ้าระวังโดยอาสาสมัครชุมชน
เป็นต้น
พบว่ามีหลายชุมชนเกิดความก้าวหน้าในการปรับใช้กระบวนความรู้ ความเข้าใจในการแก้ไขปัญหาแบบองค์รวมและภายใต้ความมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหาชุมชนอย่างเป็นระบบ
สามารถวิเคราะห์ปัญหาชุมชนและกำหนดแนวทาง วิธีการแก้ไขปัญหาในรูปแผนงาน/โครงการอย่างมีประสิทธิภาพ
เช่น หมู่บ้านลอ หมู่ที่ 1 ตำบลลอ อ.จุน ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นกระบวนการมากกว่าชุมชนอื่นและเป็นที่ยอมรับแก่ทุกองค์กรที่ได้ไปร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์
และปัจจุบันสามารถขยายผลไปยังหมู่บ้านข้างเคียงซึ่งคาดว่าจะสามารถครอบคลุมเต็มพื้นที่ตำบลได้ในไม่ช้า
และโดยที่การพัฒนากระบวนการตามโครงการได้ดำเนินมาระยะหนึ่ง
สศช.จึงได้ทำ การศึกษาและสรุปความคิดรวบยอดจากการดำเนินโครงการเสนอคณะกรรมการนโยบายสังคมแห่งชาติ
ประกาศดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน(CERCAP) ขึ้นโดยครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
กำหนดให้จัดตั้งและพัฒนาองค์กรบริหารจัดการชัดเจน และให้ ใช้บทเรียนและประสบการณ์จากโครงการ
Thai-UNCAP เป็นแนวทางการดำเนินการ
จังหวัดพะเยา กำหนดให้ใช้พื้นที่นำร่องตามโครงการความร่วมมือไทย-สหประชาชาติ
สำหรับเป็นต้นแบบกระบวนการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในพื้นที่โครงการ
CERCAP และสนับสนุนบุคลากรในชุมชนนำร่องสำหรับเป็นผู้แลกเปลี่ยนสนับสนุนโครงการ
ดังกล่าวด้วย